เสียง : ไทย + ENG

“คำถามก็คือ คุณมีความสามารถพอที่จะทำให้มันเป็นมหากาพย์หรือเปล่า” คริส เฮมส์เวิร์ธกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน มันเป็นคำกระตุ้นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของ “Furiosa: A Mad Max Saga” มหากาพย์ภาคตะวันตกที่ล่มสลายของจอร์จ มิลเลอร์ของ “Mad Max: Fury Road” ซึ่งแน่นอนว่าอาจมุ่งเป้าไปที่มิลเลอร์เอง เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่นี่เพื่อให้คุณได้มากกว่า: การไล่ล่าที่ท้าทายแรงโน้มถ่วงมากขึ้น การแสดงผาดโผนที่บินสูงขึ้น ความรู้สึกน่าสมเพชที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่กว่าในการก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่เฟรมสามารถยึดถือได้—ใช้สัญลักษณ์แบบคริสเตียนและ ตำนานอาเธอร์ที่สร้างเรื่องราวอันน่าหลงใหลซึ่งยังคงสร้างความประหลาดใจ แม้ว่าเราจะรู้อยู่แล้วว่าอนาคตที่สิ้นหวังนั้นกำลังนำทางเราไปสู่ มันเป็นเพียงหนึ่งในพรีเควลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ภาพยนตร์เรื่องนี้แบ่งออกเป็นห้าบท โดยแต่ละบทจะหนาแน่นกว่าภาคก่อน โดยเริ่มจากฟูริโอซา (อลิลา บราวน์) ที่ยังเด็กมากกำลังเก็บผลไม้จากต้นไม้ใกล้กับบ้านเกิดของเธอ “The Green Place” แก๊งค์ไบค์เกอร์มาเพื่อหาอาหารในผืนดิน และแม้ว่า Furiosa จะพยายามทำลายจักรยานของพวกเขาได้ แต่เธอก็ถูกจับ ทำให้แม่ของเธอ (ชาร์ลี เฟรเซอร์) ต้องออกไปผจญภัยในทะเลทรายเพื่อเอาเธอกลับมา การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งเกิดขึ้น หนึ่งในฉากที่กว้างขวางของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเห็นแม่ของฟูริโอซาไล่ตามผู้ลักพาตัวลูกสาวของเธอเหนือเนินทรายและผ่านพายุทราย ไปยังขั้นบันไดของที่ซ่อนของร่างเมสสิยาห์ ดีเมนทัส (คริส เฮมส์เวิร์ธ) นี่คือจุดเริ่มต้นของความบาดหมางอันยาวนานระหว่าง Furiosa และ Dementus ที่เกี่ยวข้องกับการแก้แค้น ความเศร้าโศก และความปรารถนาที่จะกลับบ้าน

แน่นอนว่าการสรุปเพิ่มเติมจะไม่เพียงทำให้หนังเสียเท่านั้น แต่ยังต้องบอกว่าจังหวะการเล่าเรื่องมีความจำเป็นด้วย พวกเขาไม่. นั่นไม่ได้หมายความว่า “Furiosa” นั้นไร้เหตุผล แต่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด Miller กำลังเล่าเรื่องราวสะเทือนอารมณ์ว่าเด็กที่ครั้งหนึ่งเคยมีคุณธรรมกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้างได้อย่างไร ส่วนโค้งแบบนั้นเข้ากันได้ดีกับความอ่อนไหวในโอเปร่าของเรื่อง ในขณะที่เราแนะนำให้รู้จักกับต้นกำเนิดของป้อมปราการรกร้างอย่างเมืองแก๊สและเมืองบุลเล็ต และพาไปที่ป้อมปราการซึ่งมีอิมมอร์ตัน โจ (ลาชี่ ฮัลม์) อายุน้อยกว่าควบคุมไว้ ตัวละครอื่นๆ เช่น ริกทัส (นาธาน โจนส์) และสโครตัส (จอช เฮลเมน) ลูกชายจอมป่วนของอิมมอร์แทน โจ กลับมาอีกครั้ง และปลายหมวกก็มอบให้กับแฟนๆ ตัวโปรดจาก “Fury Road”

มิลเลอร์มั่นใจในการอ่านใจผู้ชม เขายังไล่ล่ายาวๆ ที่เห็นฟูริโอซาขับรถข้ามดินแดนรกร้างพร้อมกับเพทอเรียน แจ็ค (ทอม เบิร์ค) บนน้ำมันที่ทำให้เทย์เลอร์-จอยและตัวละครเป็นทางเข้าที่สมบูรณ์แบบ: การกดดันอย่างหนัก เพื่อการถ่ายภาพระยะใกล้ที่คุ้มค่า แม้ว่าเบิร์คจะได้แสดงบนจอในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขากับเทย์เลอร์-จอยก็สร้างเคมีที่เข้ากันได้อย่างรวดเร็วเมื่อสองคนที่หลงทางที่เชื่อว่าสรวงสวรรค์ยังคงมีอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลก หากพวกเขาติดตามแผนที่ดวงดาวที่มีรอยสักบนแขนของฟูริโอซา

หากรู้สึกว่าเฮมส์เวิร์ธเป็นพวกวิ่งหนีเหมือนกัน เขาก็ไม่ใช่ ซึ่งพูดแปลกเพราะเขาต้องสวมวิกผมที่แย่มากและจมูกเทียมที่ยื่นออกมา และถึงกับหายตัวไปเป็นเวลานานอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่เขาปรากฏตัว เขาอาจจะเป็นส่วนที่ดีที่สุดของ “ฟูริโอซา” เขาไม่เพียงแค่ได้รับบรรทัดอ้างอิงที่ดีที่สุดและมากขึ้นในทันทีเท่านั้น พระองค์ไม่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาทางกายมากไปกว่านี้ อันดับแรกในฐานะพระเมสสิยาห์และนักฉ้อฉล ต่อมาเป็นนักการเมืองหัวรุนแรง ต่อมาเป็นจักรพรรดิที่ไม่สวมเสื้อผ้า การผสมผสานระหว่างความเฉลียวฉลาด ความใจแข็ง และการคำนวณที่เย็นชาของ Dementus ถือเป็นบุคลิกที่เฮมส์เวิร์ธเคยทำมาระยะหนึ่งแล้ว และทั้งหมดนี้มารวมกันที่นี่เพื่อพลิกผันผู้ร้ายที่ยากจะลืมเลือน

จะมีการเขียนมากมายเกี่ยวกับ “Furiosa” ในระดับเนื้อหา เช่น วิธีที่มันล้มล้างฉากแอปเปิ้ลในพระคัมภีร์ไบเบิลเพื่อการสิ้นสุดที่สมควรได้รับ หรือวิธีที่มันพูดถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน การทหาร และความเป็นจริงทางการเมืองที่ถดถอย—โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำไมเราจึงเข้าสู่สงคราม และความไร้ศีลธรรมของผู้นำที่พาเราไปที่นั่น แต่นี่ก็เป็นเพียงหนังป๊อปคอร์นเรื่องใหญ่ที่ให้ความบันเทิง เล่าด้วยความรู้สึกของการผจญภัยและการเล่น Miller ไม่ได้มาที่นี่เพื่อนำเสนอเรื่องราวแนวเมโลดราม่าที่แสนจะจืดชืด การวางโครงเรื่องแบบอัลกอริทึม หรืองานศิลปะที่ออกแบบมาสำหรับจอขนาดเล็ก “ฟูริโอซ่า” มุ่งหวังที่จะระเบิดคุณ และมันก็เป็นเช่นนั้น สู่วัลฮัลลาและที่อื่นๆ